อาชีพ ของ บรูนู ลาฌึ

ช่วงแรก

ลาฌึเกิดที่ซึตูบัลและเริ่มต้นอาชีพในฐานะผู้ฝึกสอนทีมเยาวชนของวีตอเรียดึซึตูบัลใน ค.ศ. 1997[2][3]

ต่อมาเขาได้ทำงานหน้าเป็นผู้ฝึกสอนของทีมเยาวชนทุกชุดของไบฟีกาตั้งแต่ ค.ศ. 2004 ถึง 2012 ก่อนที่จะย้ายไปทำงานเป็นผู้ช่วยของการ์ลุช การ์วัลยัล ที่เชฟฟีลด์เวนส์เดย์และสวอนซีซิตี[4][5] ต่อมาในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2018 ลาฌึย้ายกลับไบฟีกาอีกครั้งเพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ฝึกสอนของทีมชุดสำรอง แทนที่ของแอลแดร์ กริชตอเวา[1]

ไบฟีกา

ในฤดูกาล 2018–19 ลาฌึได้เข้ามาทำหน้าที่ผู้จัดการทีมรักษาการของไบฟีกา โดยแทนที่รุย วีตอเรีย เมื่อวันที่ 3 มกราคม ค.ศ. 2019[6][7] เขาคุมทีมนัดแรกในปรีไมราลีกาเมื่อวันที่ 6 มกราคม ซึ่งทีมสามารถเปิดบ้านเอาชนะรีอูอาวึไปได้ 4–2 เขาได้รับสัญญาผู้จัดการทีมถาวรในอีก 8 วันถัดมา[8][9]

วันที่ 10 กุมภาพันธ์ หลังจากที่คุมทีมชนะในศึกดาร์บีลิสบอนได้สองนัดติดต่อกัน โดยมีนัดที่บุกชนะสปอร์ติก 4–2 ในลีก[10][11] เขาพาไบฟีกาชนะด้วยผลต่างประตูมากที่สุดในปรีไมราลีกานับตั้งแต่ ค.ศ. 1964 และเป็นผลประตูในลีกที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ ค.ศ. 1965 โดยเขาคุมทีมเอาชนะนาซียูนัล 10–0[12][13][14] ซึ่งถือเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้นที่อิชตาดียูดาลุชอีกด้วย[15] ต่อมาในการคุมทีมนัดแรกในยูฟ่ายูโรปาลีก เขาพาไบฟีาบุกไปชนะทีมตุรกีเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร โดยบุกไปเอาชนะกาลาทาซาไร 2–1 ในการแข่งขันเลกแรกของรอบ 32 ทีมสุดท้าย[16][17]

หลังจากที่คุมทีมบุกชนะโปร์ตูในอูกลาซีกู 2–1 เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ค.ศ. 2019 ลาฌึจึงมีสถิติการคุมทีมชนะสปอร์ติกและโปร์ตูเป็นจำนวน 3 ครั้งเท่ากันกับผู้จัดการทีมคนก่อนหน้า ทั้งที่คุมทีมน้อยกว่า[18] ในการแข่งขันในลีกนับตั้งแต่นัดที่ 16 ถึง 34 ลาฌึคุมทีมชนะ 18 นัดและเสมอเพียงนัดเดียว ทำให้ทีมสามารถชนะเลิศลีกเป็นสมัยที่ 37 เขามีอัตราการคุมทีมชนะร้อยละ 94 เป็นผู้จัดการทีมที่คุมไบฟีกาด้วยอัตราชนะมากที่สุด แซงหน้าสถิติเดิมของจิมมี ฮาแกน นอกจากนี้ ยังเป็นผู้จัดการทีมที่พาไบฟีกาบุกชนะทั้งโปร์ตู, สปอร์ติก และบรากา นับตั้งแต่ที่สเวน-เยอราน เอริกซอน เคยทำได้ในฤดูกาล 1990–91 และไบฟีกายิงประตูในลีกมากถึง 103 ลูก เป็นสถิติสูงสุดเทียบเท่ากับเมื่อฤดูกาล 1963–64[19]

ลาฌึเริ่มต้นฤดูกาลที่สองกับไบฟีกาด้วยการเอาชนะสปอร์ติกในซูเปอร์คัพ 5–0[20] ต่อมาในวันที่ 17 กันยายน เขาคุมทีมนัดแรกในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกด้วยการเปิดบ้านแพ้แอร์เบ ไลพ์ซิช จากเยอรมนี 2–1 ทำให้ไบฟีกาแพ้ถึง 11 จาก 14 นัดหลังสุดในรายการนี้[21]

ในครึ่งหลังของฤดูกาล ผลงานของทีมเริ่มตกลงไป ณ วันที่ 29 มิถุนายน 2020 ลาฌึคุมทีมทำผลงานได้แย่ที่สุดเทียบเท่ากับเมื่อฤดูกาล 2000–01 โดยคุมทีมชนะเพียง 2 จาก 13 นัดหลังสุด[22][23] อีกทั้งยังทำสถิติไม่ชนะใครในบ้านถึง 5 นัดติดต่อกัน โดยมีนัดที่แพ้บรากาและซังตากลารา[24] ทำให้ในวันที่ 30 มิถุนายน เขาถูกปลดและถูกแทนที่โดยแนลซง วึรีซีมู ผู้ช่วยของเขา โดยสัญญาเดิมของลาฌึมีผลถึงวันที่ 4 กรกฎาคม[25][26]

วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์

เดือนมิถุนายน ค.ศ. 2021 ลาฌึมีข่าวที่จะมาคุมทีมวุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ในพรีเมียร์ลีกต่อจากนูนู อึชปีรีตู ซังตู ซึ่งเขามีความต้องการทำใบอนุญาตขอทำงาน เพราะก่อนหน้านี้ เขาไม่สามารถเข้าไปทำงานในสหราชอาณาจักรได้โดยตรงหลังจากเหตุการณ์เบร็กซิต[27] สุดท้ายแล้ว เขาก็ได้รับใบอนุญาตขอทำงาน[28] และเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนของสโมสรเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน[29][30]

วันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 2021 ลาฌึประเดิมคุมทีมนัดแรกด้วยการบุกแพ้เลสเตอร์ซิตี 1–0[31] สิบวันถัดมา เขาคุมทีมชนะนัดแรก ด้วยการเอาชนะนอตทิงแฮมฟอเรสต์ 4–0 ในรอบที่สองของอีเอฟแอลคัพ ฤดูกาล 2021–22[32] ต่อมา เขาคุมทีมชนะนัดแรกในพรีเมียร์ลีก ด้วยการบุกชนะวอตฟอร์ดที่วิคาริจโรด 2–0 เมื่อวันที่ 11 กันยายน[33] ลาฌึคุมทีมชนะนัดแรกที่สนามกีฬามอลินิว ด้วยการเปิดบ้านเอาชนะนิวคาสเซิลยูไนเต็ด 2–1 เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม โดยได้ทั้งสองประตูจากฮวัง ฮี-ชัน ผู้เล่นชาวเกาหลีใต้[34]

แหล่งที่มา

WikiPedia: บรูนู ลาฌึ https://www.bbc.com/sport/football/47193372 https://www.bbc.com/sport/football/58667875 https://www.expressandstar.com/sport/football/wolv... https://www.freemalaysiatoday.com/category/sports/... https://www.goal.com/en-ie/news/benfica-demolish-n... https://www.marca.com/futbol/champions-league/cron... https://uk.reuters.com/article/uk-soccer-portugal-... https://www.skysports.com/football/leicester-city-... https://web.archive.org/web/20190428050753/https:/... https://web.archive.org/web/20200625063730/https:/...